ปอล แรโน (ภาษาฝรั่งเศส: [pɔl ʁɛno]; 15 ตุลาคม ค.ศ. 1878 – 21 กันยายน ค.ศ. 1966) เป็นนักการเมืองและนักกฏหมายชาวฝรั่งเศสที่มีชื่อเสียงโด่งดังในช่วงสมัยระหว่างสงครามซึ่งเป็นที่จดจำคือจุดยืนของเขาในลัทธิการเปิดเสรีทางเศรษฐกิจและการทำสงครามต่อต้านต่อเยอรมนีแรโนคัดค้าน
ข้อตกลงมิวนิก เมื่อเดือนกันยายน ค.ศ. 1938 เมื่อฝรั่งเศสและสหราชอาณาจักรได้หลีกทางให้ในช่วงก่อนที่ข้อเสนอของ
ฮิตเลอร์ในการแบ่งแยกเชโกสโลวาเกีย
[1] ภายหลังจากการประทุของ
สงครามโลกครั้งที่สอง แรโนได้กลายเป็น
นายกรัฐมนตรีคนสุดท้ายของ
สาธารณรัฐที่สามในเดือนมีนาคม ค.ศ. 1940 เขายังเป็นรองประธานแห่ง
พันธมิตรรีพับลิกันประชาธิปไตยซึ่งเป็นพรรคฝ่ายกลางขวา แรโนเป็นนายกรัฐมตรีในช่วงที่เยอรมันมีชัยเหนือฝรั่งเศสในเดือนพฤษภาคมและมิถุนายน ค.ศ. 1940 เขาได้ปฏิเสธที่จะให้การสนับสนุนในการสงบศึกกับเยอรมนีอย่างไม่ลดละ ในฐานะนายกรัฐมนตรีในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 1940 เขาได้พยายามช่วยเหลือฝรั่งเศสให้พ้นจากการถูกเยอรมันยึดครองในสงครามโลกครั้งที่สองแต่ไม่สำเร็จ
[2] และตัดสินใจลาออก เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน ภายหลังจากได้พยายามหลบหนีฝรั่งเศสซึ่งไม่สำเร็จ เขาถูกจับกุมโดยฝ่ายบริหารการปกครองของ
ฟีลิป เปแต็ง ด้วยการยอมจำนนต่อการควบคุมตัวของเยอรมันใน ค.ศ. 1942 เขาถูกคุมขังในเยอรมนีและต่อมาที่ออสเตรีย จนกระทั่งได้รับการปล่อยตัวใน ค.ศ. 1945 ซึ่งเขาได้รับการปล่อยตัวภายหลังจาก
ยุทธการที่ปราสาทอิทเทอร์ ซึ่งหนึ่งในผู้นำ นายทหารเยอรมันยศพันตรีนามว่า Josef Gangl ได้ถูกประกาศยกย่องว่าเป็นวีรบุรุษโดยฝ่ายต่อต้านออสเตรีย ซึ่งได้เสียสละชีวิตในการเอาตัวเองบังรับกระสุนสไนเปอร์ของข้าศึกเพื่อช่วยชีวิตแรโน
[3][4] [5][6][7]ได้ถูกเลือกตั้งในการเข้าสู่สภาผู้แทนราษฏร์ใน ค.ศ. 1946 เขาได้กลายเป็นบุคคลสำคัญอีกครั้งในชีวิตการเมืองฝรั่งเศส โดยดำรงตำแหน่งในคณะรัฐมนตรีหลายตำแหน่ง เขาได้ให้การสนับสนุนต่อ
สหพันธรัฐแห่งยุโรป(United States of Europe) และมีส่วนร่วมในการร่างรัฐธรรมนูญสำหรับ
สาธารณรัฐที่ห้า แต่กลับลาออกจากรัฐบาลใน ค.ศ. 1962 ภายหลังจากไม่เห็นด้วยกับประธานาธิบดี
เดอ โกล ในเรื่องเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงระบบการเลือกตั้ง